สังคม » (มีคลิป)ลำพูน-รมว.ทส. ลุยแก้วิกฤตไฟป่า-ฝุ่นควันภาคเหนือ พร้อมเดินหน้าบูรณาการทุกภาคส่วนแก้ปัญหาอย่างยั่งยืน

(มีคลิป)ลำพูน-รมว.ทส. ลุยแก้วิกฤตไฟป่า-ฝุ่นควันภาคเหนือ พร้อมเดินหน้าบูรณาการทุกภาคส่วนแก้ปัญหาอย่างยั่งยืน

31 มกราคม 2025
42   0

Spread the love

(มีคลิป)ลำพูน-รมว.ทส. ลุยแก้วิกฤตไฟป่า-ฝุ่นควันภาคเหนือ พร้อมเดินหน้าบูรณาการทุกภาคส่วนแก้ปัญหาอย่างยั่งยืน

 

วันที่ 30 ม.ค. 68 ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (รมว.ทส.) เดินทางมาตรวจเยี่ยมและมอบขวัญกำลังใจแก่ผู้ปฏิบัติงานป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่า หมอกควันและฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 ที่หน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติแม่ปิง อำเภอลี้ จังหวัดลำพูน โดยมีนายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม นายวิวัฒน์ อินทร์ไทยวงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดลำพูน นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช นายกริชสยาม คงสตรี ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 16 ว่าที่พันตรี นรินทร์ ปิ่นสกุล ผู้อำนวยการสำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ ที่ 1 (เชียงใหม่)ผู้อำนวยการสำนักงาน พร้อมด้วย คณะผู้บริหาร ทส. เจ้าหน้าที่ เครือข่ายชาวบ้าน และนักเรียน เข้าร่วมและให้การต้อนรับ

 

จากนั้นได้เป็นสักขีพยานในพิธีลงนาม MOU ของกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน จากอำเภอลี้ จ.ลำพูน อำเภอดอยเต่า จ.เชียงใหม่ และเจ้าหน้าที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมในพื้นที่ที่ จะได้ร่วมบูรณาการในการป้องกันแก้ไขปัญหาไฟป่า หมอกควัน ฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 พร้อมทั้งเดินชมนิทรรศการของหน่วยงานต่างๆ ที่มาจัดแสดงและให้ความรู้กับผู้เข้าร่วมงาน

 

ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน เปิดเผยว่า สถานการณ์ไฟป่าและฝุ่นควันเริ่มทวีความรุนแรงขึ้น โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคเหนือและภาคตะวันตก ในวันนี้ได้มาจัดกิจกรรม Kick off ทางรัฐบาลนำโดยท่านนายกรัฐมนตรี ได้นำงบกลาง 620 ล้านบาท เป็นงบบูรณาการให้กับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ร่วมกับกองทัพ ผู้ว่าราชการจังหวัด เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง เจ้าหน้าที่ในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เจ้าหน้าที่สาธารณสุข กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน นักเรียน นักศึกษา และประชาชน มาร่วมกันป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่า ในภาคเหนือได้เดินทางมาเป็นที่แรก ซึ่งงบประมาณดังกล่าวจะดำเนินการตั้งแต่วันที่ 1 ก.พ. 68 ทันที และการนำงบประมาณมาดำเนินการ พร้อมการบูรณาการร่วมกับชาวบ้านในการลดการเผาและมาเป็นอาสาในการป้องกันไฟป่า ก็จะทำให้เป้าหมายที่ตั้งไว้ว่าจะลด 25 เปอร์เซ็นต์ สามารถบรรลุได้ ส่วนเรื่องของการชิงเผา ในบางพื้นที่จำเป็นต้องดำเนินการเพื่อรักษาทรัพยากรธรรมชาติในพื้นที่ดังกล่าวไว้ ปัจจุบันยังไม่มีพื้นที่ของการชิงเผา และสามารถลดการเผาได้ โดยดูจากจุดความร้อน (Hotspot) ในวันนี้จุดความร้อนไม่ได้เพิ่มขึ้น และพยายามจะทำให้ลดลง โดยบูรณาการร่วมกันกับทุกฝ่าย เมื่อพี่น้องประชาชนมาเป็นแนวร่วมก็เชื่อมั่นว่าจะสามารถลดการเผาได้ ต้องช่วยกันทุกฝ่าย จากการที่มาจัดกิจกรรมในวันนี้ เพราะจุดนี้เคยมีการเผาและพบจุดความร้อนเป็นจำนวนมาก หากพื้นที่นี้สามารถที่จะลดการเผาได้ ก็เชื่อว่าจุดอื่นๆ ก็จะลดลงด้วย

 

พร้อมกำชับเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ให้ดำเนินการตามกฎหมายอย่างเคร่งครัดหากพบการเผา และเน้นย้ำให้ทำความเข้าใจกับชุมชน กำนัน ผู้ใหญ่บ้านและเจ้าหน้าที่ในท้องที่ให้ร่วมกันเฝ้าระวังและป้องกันการเกิดไฟป่า และขอชื่นชมในความเสียสละ ทุ่มเท และความมุ่งมั่นของทุกท่านที่ร่วมแรงร่วมใจกันปฏิบัติภารกิจอันสำคัญ โดยเน้นย้ำให้คำนึงถึงความปลอดภัยของผู้ปฏิบัติงานเป็นสำคัญ พร้อมยืนยันว่ากระทรวงฯ จะให้การสนับสนุนการทำงานอย่างเต็มที่ ทั้งด้านงบประมาณ อุปกรณ์ เครื่องมือ และการแก้ไขปัญหาอุปสรรคต่างๆ เพื่อให้การแก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควันเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน

 

ด้าน นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เปิดเผยว่า กรมอุทยานฯ ได้มีการสั่งเตรียมพร้อมรับมือไฟป่า ภายใต้แนวทาง “รวดเร็ว ตรงเป้า เข้าถึงพื้นที่ มีประสิทธิภาพสูงสุด” ตามนโยบายของ รมว.ทส. โดยได้กำหนดมาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่า แบ่งการบริหารจัดการเป็น 14 กลุ่มป่า ครอบคลุมพื้นที่ป่ารวม 44.71 ล้านไร่ มีเป้าหมายลดพื้นที่เผาไหม้ลงร้อยละ 25 จากปี 2567 โดยเฉพาะในกลุ่มป่าเขื่อนภูมิพล ซึ่งครอบคลุมพื้นที่จังหวัดตาก เชียงใหม่ ลำพูน และลำปาง มีเนื้อที่รวม 3.38 ล้านไร่ ได้จัดตั้งจุดเฝ้าระวังในพื้นที่เสี่ยง 2,059 จุด จัดชุดปฏิบัติการพิเศษดับไฟป่า (เสือไฟ) 15 ชุด กำลังพล 345 นาย พร้อมบูรณาการความร่วมมือกับอาสาสมัครพิทักษ์อุทยานแห่งชาติจำนวน 1,690 หมู่บ้าน และนำเทคโนโลยีมาใช้ในการติดตามสถานการณ์ไฟป่า ทั้งอากาศยานไร้คนขับ (UAV) และระบบติดตามจุดความร้อน (Hotspot) ผ่านดาวเทียม

 

สำหรับการป้องกันไฟป่าของชาวบ้านในเขตอุทยานแห่งชาติแม่ปิง จังหวัดลำพูน ได้พัฒนาระบบการป้องกันไฟป่าแบบมีส่วนร่วมที่เข้มแข็ง โดยจัดตั้ง “เครือข่ายชุมชนเฝ้าระวังไฟป่า” มีการจัดเวรยามผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันตลอด 24 ชั่วโมง สร้าง “แนวกันไฟสีเขียว” โดยชุมชนร่วมกันปลูกพืชที่มีความชื้นสูง พัฒนา “ภูมิปัญญาท้องถิ่น” ในการจัดการเชื้อเพลิง และในวันเดียวกัน ได้มีการลงนาม “บันทึกความร่วมมือ การป้องกัน แก้ไขปัญหาไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM 2.5) ในพื้นที่กลุ่มป่าเขื่อนภูมิพล” ระหว่างอุทยานแห่งชาติแม่ปิง ร่วมกับชุมชนทั้งในและรอบพื้นที่อุทยานแห่งชาติแม่ปิง จำนวน 21 หมู่บ้าน โดยมีเจตนารมณ์ร่วมกันในการเฝ้าระวัง ตรวจตรา ดูแลพื้นที่เสี่ยง ร่วมประชุมวางแผนและปฏิบัติการดับไฟป่า รวมถึงจัดกิจกรรมรณรงค์สร้างความรู้เกี่ยวกับผลกระทบจากไฟป่าแก่ประชาชนในพื้นที่

 

ศูนย์ข่าวภาคเหนือ 24northernnews เชียงใหม่…รายงาน